วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำไมการปลูกแบบผักบ้าน..บ้าน ถึงไม่ใช้ถ้วยปลูกและปั๊ม

หลายๆ คน อาจแปลกใจว่าทำไมชุดปลูกผักของร้านเราถึงไม่ใช้ถ้วยปลูกและปั๊มเหมือนการปลูกแบบอื่นๆ

 ด้วยนิสัยเด็กวิศวะอิเล็ก ที่ถูกฝึกมาให้ตั้งคำถามและหาคำตอบในช่วงที่เรียน ดังนั้นเมื่อเราจะลงมือทำอะไรสักอย่าง มักตั้งคำถามว่าทำไมต้องใช้อันนี้? ทำไมไม่ใช้อันนั้น? และมีอย่างอื่นไหมที่สามารถทดแทนได้ เราจะใช้เวลาก่อนลงมือทำ ค่อยๆหาคำตอบ เท่าที่จะสามารถหาได้


   ช่วงที่คิดจะเริ่มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) เราตัดสินใจปลูกแบบน้ำนิ่งเพราะเป็นการปลูกที่ต้นทุนถูกที่สุดแล้ว แต่บทความหลายบทความบอกว่าต้องใช้ปั๊มเพื่อให้ออกซิเจน แต่เราก็ไม่ชอบเรื่องการเดินระบบไฟฟ้าไว้นอกบ้าน เพราะไฟฟ้ากับความชื้นและน้ำฝนตอนฝนตก ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย  
   ส่วนถ้วยปลูก เราก็คิดจะใช้เพราะเห็นใครๆ เขาใช้กัน แต่เราคิดว่าถ้าไม่ใช้หละจะเป็นอย่างไร และนี่แหละคือเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน
                                   
เริ่มต้นดังนั้นเราจึงหาความสำคัญของถ้วยปลูกก่อน (เพราะคิดว่าง่ายกว่าเรื่องปั๊ม)
   
  
ถ้วยปลูก
  ถ้วยปลูกทำหน้าที่ในการพยุงต้นกล้าไม่ให้ล้มและช่วยควบคุมต้นกล้าให้อยู่ในระดับน้ำที่เหมาะสม ส่งผลให้ปริมาณปุ๋ยที่ใช้น้อยลง นั่นคือประโยชน์ของถ้วยปลูก(ตามที่เราหาข้อมูลได้นะคะ)
  แต่เมื่อสังเกตุผักที่อยู่บนดิน เจ้าผักก็ไม่ใช้ถ้วยปลูก ยังสามารถพยูงตัวและตั้งเองได้ ดังนั้น “ถ้าไม่มีถ้วยปลูกเจ้าผักสามารถตั้งเองได้ไหมโดยการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์แบบกระถางราง” และนี่เองคือสมมุติฐานแรกของเรา จากการทดลองในหลายๆครั้ง

ผักกาดขาวไดโตเกียวอายุ 30 วัน


     สรุปได้ว่าผักสามารถปรับตัวได้ในกรณีที่ไม่ต้องใช้ถ้วยปลูก แม้จะปลูกกับผักที่มีขนาดกอใหญ่ก็ตาม ดังภาพ (แอบทึ่งกับการปรับตัวของเจ้าผักเหมือนกัน)
ผักกาดขาวใหญ่
     แน่นอนเมื่อไม่มีถ้วยปลูก เราก็ได้พื้นที่มากขึ้น ทำให้ปริมาณหลุมปลูกในกระถางมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว นี่คือของแถมที่น่าสนใจ แต่วิธีนี้ก็ทำให้ระดับรากผักอยู่สูงจากพื้นดินมากกว่าการปลูกโดยใช้ถ้วยปลูกจึงต้องใช้น้ำมากขึ้น เพื่อให้ระดับน้ำสูงพอที่จะคลุมรากได้ ส่งผลให้ใช้ปุ๋ยมากกว่าเดิมเพื่อให้ได้ความเข้มข้นของปุ๋ยเท่าเดิมในปริมาณน้ำที่มากขึ้น และนี่คือต้นทุนเดียวที่แพงจากการปลูกผักแบบนี้ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับระบบอื่นๆ ก็ยังเป็นต้นทุนที่ถูกอยู่ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการปลูกเพื่อทานภายใน ครอบครัว เพราะต่อชุดราคาไม่เกิน 500 บาทก็ปลูกได้แล้ว


ชุดพอเพียง ( 12 หลุม)

     แล้วปั๊มหละ ทำหน้าที่อะไร?
     ปั๊มทำหน้าที่ในการให้ออกซิเจนกับน้ำ เพ่ือผักเติบโตได้ แม้รากผักจะจุ่มอยู่ในน้ำเกือบทั้งหมด ดังนั้นรากไม่ได้เพียงทำหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร แต่ยังทำหน้าที่ในการรับออกซิเจนด้วย เพื่อทำให้ผักมีชีวิตและเติบโต
     จากงานวิจัยและการปลูกอย่างแพร่หลายในระบบน้ำนิ่ง ทำให้เรารู้ว่าการใช้ปั๊ม ไม่ใช่วิธีเดียวที่ทำให้ผักได้รับออกซิเจน แต่การเว้นช่องว่างระหว่างรากผักกับระดับน้ำอย่างเหมาะสมก็เป็นวิธีที่ทำให้ผักมีชีวิตและโตได้ด้วย ดังนั้นเราเลยหาข้อมูลและทดลองว่าระดับน้ำเท่าไรจึงเหมาะสมกับการปลูกผักระบบน้ำนิ่ง ในกระถางราง จึงได้ข้อสรุปดังนี้ 
    จากอากาศที่ร้อนและร้อนมากๆของบ้านเรา ธรรมชาติเป็นตัวช่วยที่ดีในการปรับระดับน้ำได้ตลอดทั้งปี (โชคดีเพราะประเทศเราร้อนใช่ไหมเนี่ย) 
   ผลการทดลองปลูกมาประมาณสองปี สรุปผลได้ว่า
  - ในช่วง 1- 15 วันแรก(นับจากนำต้นกล้าลงกระถาง) การระเหยของน้ำจะสัมพันธ์กับระดับน้ำในกระถางรางอย่างไม่น่าเชื่อ คือระดับน้ำลดลงเพียงพอสำหรับออกซิเจนที่ผักต้องใช้ในการเติบโต (ชุดพอเพียงเป็นชุดที่ปริมาณน้ำเหมาะสมที่สุดในทุกๆ ฤดูกาล) ทำให้ไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำในการให้ออกซิเจนเหมือนวิธีอื่น 
   หมายเหตุ สำหรับชุดเด็กน้อยควรเอาน้ำออกให้น้ำสูงประมาณ 3/4 ของรากในช่วง
สัปดาห์ที่ 2 หลังจากปลูก เพราะปริมาณน้ำในกระถางมีมากกว่าชุดพอเพียงเมื่อเปรียบเทียบกับชุดพอเพียงในปริมาณจำนวนต้นที่เท่ากัน
ชุดเด็กน้อย ( 7 หลุม)

  - ในช่วงประมาณ 15-30 วัน ผักจะใช้น้ำมาก เพราะอยู่ในช่วงกำลังโต เราอาจต้องเติมน้ำแทนน้ำที่สุญเสียไปแต่ไม่ควรมากกว่าครึ่งหนึ่งของกระถาง ดูในบทความนี้นะคะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ผู้ปลูกจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระหว่างใส่ปุ๋ย (สำหรับปุ๋ยที่ซื้อจากร้านผักบ้าน...บ้าน) 
น้ำลดมากช่วงใส่ปุ๋ยครั้งที่ 4 

   สรุปแล้ววิธีนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มเพื่อให้ออกซิเจน ส่งผลให้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เราเลยสามารถวางกระถางได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่ม และตัดความกังวลเวลาที่ไฟดับหรือต้องเสียบปลั๊กทิ้งไว้เมื่อไม่อยู่บ้านค่ะ
    เพื่อนๆ คงเข้าใจแล้วนะคะ ว่าชุดพอเพียง และชุดเด็กน้อย เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ จะลองประดิษฐ์หรือทดลองปลูกบ้างนะคะ อยากบอกว่าสนุกมากๆ



   ขอบคุณอาจารย์ ที่คอยสอนให้หนูได้เป็นนักตั้งปัญหา และรู้จักแก้ไขปัญหา ขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้หนูได้มีวันนี้ วันที่ได้สานฝันคนอยากปลูกผักให้เป็นจริง 
ขอให้เพื่อนๆมีความสุขสุขภาพแข็งแรงทุกคนนะคะ
จากเรา
หรือพูดคุยและกด like กับเราได้ที่




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น