วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ระดับน้ำที่เหมาะสมกับผักไฮโดรโปนิกส์แบบปลูกในกระถาง

    ระดับนำ้มีความสำคัญที่เราไม่ควรลืมนะคะ เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่าผักของเราจะตายหรือจะโต เพราะหากน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้ผักตาย และถ้าน้ำมากเกินไปล่ะ ผักจะเป็นอย่างไร?


     ระดับน้ำที่มากเกินไปส่งผลให้เจ้าผักที่เราปลูกนั้นไม่งามอย่างที่เราคิด ด้วยเหตุที่ว่าออกซิเจนสำหรับผักนั้นมีน้อย เพราะว่าเจ้าผักเรานั้นได้ออกซีเจนจากนำ้เพียงอย่างเดียว และหากน้ำไม่ได้มีการหมุนเวียนแล้วล่ะก็... ผักของเราก็จะเป็นเด็กน้อยอยู่แบบนั้น ดูน่ารักแต่ไม่น่าทาน

    ดังนั้นเรามาดูวิธีการใส่นำ้กันดีกว่า 

วิธีที่เรานำเสนอคือใช้ความร้อนจากธรรมชาติควบคุมระดับน้ำในกระถาง โดยไม่ใช้ไฟฟ้านะค่ะ  

      ในครั้งแรกของการใส่น้ำลงกระถาง เราจะใส่น้ำให้เต็ม เหตุเพราะรากของต้นกล้ายังสั้น อากาศที่อยู่ในช่องฟองน้ำเพียงพอที่จะทำให้ต้นกล้าโตได้แล้วค่ะ และด้วยแสงแดดบ้านเราช่างแรงเหลือเกิน ทำให้นำ้ระเหยและหายไปได้เร็วส่งผลให้ระดับนำ้ลดลง จากผลดังกล่าวทำให้เกิดช่องว่างระหว่างรากกับนำ้นั่นเอง ดังนั้นการควบคุมน้ำแแบบนี้ ในระยะเวลา 1-2 วันแรกให้คอยสังเกตระดับน้ำในกระถางนะค่ะ ถ้าพบว่ารากไม่สัมผัสกับน้ำให้เติมนำ้ให้เต็ม หลังจากนั้นในวันที่ 3 จะเห็นว่ารากของต้นกล้ายาวพอสมควร ไม่ต้องเติมน้ำอีก ปล่อยไปตามธรรมชาติค่ะ

ใส่น้ำในกระถางให้เต็ม  สำหรับกระถางรางยาวให้ใช้เชือกฟางรัดไว้ 3 ระยะก่อนใส่น้ำเพื่อไม่ให้กระถางเสียทรงดังภาพ


       และอีกวิธีคือให้ฟองน้ำมีความหนามากกว่าโฟม จะทำให้รากจุ่มน้ำได้มากขึ้น วิธีนี้เราก็จะไม่ต้องคอยระวังว่ารากจะไม่สัมผัสน้ำอีกต่อไป เราจะมาดูระดับน้ำอีกทีเมื่อทำการใส่ปุ๋ยค่ะ วิธีนี้ช่วงทำให้เราปลูกผักโดยใช้เวลาให้น้อยลง

สังเกตความหนาของฟองนำ้มีขนาดมากกว่าโฟมจะทำให้รากสัมผัสน้ำได้มากขึ้น


การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 หรือประมาณ 15 วันนับจากวันที่นำต้นกล้าลงกระถางปลูก ระดับน้ำควรอยู่ประมาณ 2/3  ของกระถาง แต่ถ้าพบว่าน้ำมีปริมาณที่มากกว่าให้เทน้ำออกแล้วค่อยใส่ปุ๋ยนะค่ะ วิธีนี้จะส่งผลให้ผักโตเร็วขึ้นไม่เป็นเด็กน้อยคะ

การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3และ 4 ปริมาณน้ำควรอยู่ประมาณ 1/2 ของกระถางคะ ถ้าพบว่าน้ำน้อยไปควรเติมให้ได้ตามระดับที่กำหนดนะค่ะ (ในช่วงที่ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 4 จะพบว่าน้ำลดลงเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ผักกำลังโตคะ)
นำ้ลดลงเกินครึ่งในช่วงที่ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 4

อ่านแล้วก็อาจจะดูยุ่งยากไม่ใช่น้อย แต่เป็นการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์หรือผักไร้ดินที่ใช้กระถางราง เป็นวิธีที่ประหยัด ใช้ทุนน้อย แต่ก็ต้องเสียเวลากับการควบคุมระดับน้ำ เหมาะสำหรับทานเองภายในบ้านนะค่ะ หวังว่าเพื่อนๆอ่านแล้วคงไม่ท้อไปก่อนนะค่ะ 



ขอให้เพื่อนๆมีความสุขแข็งแรงทุกคนนะค่ะ

จัดทำโดย

   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น